เจลาตินกับเป้าหมายแห่งความยั่งยืน

ปัจจุบันเจลาตินถูกนำมาใช้ประโยชน์ในหลากหลาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์นม เนยชนิดต่างๆ ขนมหวาน เยลลี่ หมากฝรั่ง หรือใช้เคลือบเพื่อถนอมอาหารในผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปต่างๆ รวมถึงอาหารกระป๋องทุกประเภท นอกจากนี้เจลาตนยังถูกนำมาใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอย่างเครื่องสำอาง ฟิล์มถ่ายภาพ ยา หรือด้านการแพทย์

ความยั่งยืน (Sustainability) ถูกพูดถึงมากขึ้น ในยุคปัจจุบันที่การพัฒนาเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมต่างๆ ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและสเถียรภาพในระบบนิเวศน์ และต่อมาส่งผลถึงความมั่นคงของมนุษย์ในการดำรงชีวิตด้านต่างๆ เจลาตินเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ตอบรับเป้าหมายกับเป้าหมายแห่งความยั่งยืนในทุกด้าน 

ความมั่นคงด้านอาหาร

เจลาตินเป็นส่วนผสมที่มีประโยชน์และมีความยั่งยืน สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ควรทราบคือเจลาตินนั้นได้มาจากแหล่งธรรมชาติ ต่างจากส่วนผสมส่วนใหญ่ในตลาดที่ผลิตโดยการสังเคราะห์ทางเคมี จึงทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในความปลอดภัย เจลาตินเป็นโปรตีนจากธรรมชาติ ทำให้สามารถถูกนำไปประยุกต์ใช้และต่อยอดคิดค้นเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทางเลือกที่มีความยั่งยืนแห่งอนาคตสำหรับมวลมนุษยชาติได้

ส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

เจลาตินเป็นโปรตีนที่ปลอดภัยซึ่งสกัดจากคอลลาเจนดิบที่พบในผิวหนังและกระดูกของสัตว์ที่เลี้ยงเพื่อการบริโภคของมนุษย์ ดังนั้นเจลาตินไม่เพียงเป็นสารอาหารที่มีคุณค่าเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการใช้สัตว์เพื่อการบริโภคอย่างเต็มรูปแบบและยั่งยืน สอดคล้องกับแนวโน้มการบริโภคอย่างคุ้มค่าเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในแบบ “อาหารปลอดของเสีย” (Zero-Waste) ซึ่งเป็นการบริโภคอาหารแบบมีความยั่งยืนและส่งเสริมเศรษฐกิจโดยภาพรวม 

ส่งเสริมระบบปศุสัตว์ที่มีมาตรฐาน

แนวโน้มผู้บริโภคยุคใหม่ คือพวกเขาต้องการดูว่าอาหารที่บริโภคมาจากแหล่งไหน ถูกผลิตอย่างไร มีความปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ นั่นทำให้ผู้ผลิตเจลาตินส่วนใหญ่เริ่มปรับตัวในการเลือกวัตถุดิบจากฟาร์มที่ได้รับมาตรฐานเท่านั้น โดยทำให้ผู้ผลิตปศุสัตว์หรือฟาร์มเองก็ต้องพัฒนามาตรฐานระบบการเลี้ยงสัตว์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายแห่งความยั่งยืน

บานาเจล เป็นผู้ผลิตเจลาตินที่ได้รับมาตรฐานและยึดมั่นหลักการความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ในการผลิตทุกขั้นตอน โดยเราเลือกวัตถุดิบจากแหล่งมาตรฐานและมีสุขอนามัยเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคและสอดคล้องเป้าหมายแห่งความยั่งยืนในทุกด้าน